กองทัพเรือ รับพระราชทานโล่ที่ระลึก และร่วมพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เนื่องในวัน “มหิดล”

Release Date : 24-09-2015 17:00:00
กองทัพเรือ รับพระราชทานโล่ที่ระลึก และร่วมพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ  พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เนื่องในวัน “มหิดล”

วันนี้ (๒๔ กันยายน ๒๕๕๘) เวลา ๑๗.๐๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงวางพวงมาลาถวายราชสักการะ พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เนื่องในวันมหิดล ณ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และพระราชทานโล่ที่ระลึกแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ในการนี้ พลเรือเอก ณรงค์พล  ณ บางช้าง  ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อรับพระราชทานโล่ที่ระลึก ณ ศาลาศิริราช ๑๐๐ ปี ชั้น ๑ โรงพยาบาลศิริราช

ในวันเดียวกัน พื้นที่สัตหีบ เวลา ๐๙.๐๐ น. พลเรือเอก พิจารณ์ ธีรเนตร  ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ  เป็นผู้แทน ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาถวายสักการะและพิธีบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันมหิดล บริเวณพระราชานุสาวรีย์ จอมพลเรือ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ณ อู่ราชนาวีมหิดล อดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือในพื้นที่สัตหีบ ผู้แทนหน่วยราชการในพื้นที่สัตหีบ และผู้แทนภาคเอกชน ร่วมพิธี
 
ส่วนพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในช่วงเช้า เวลา ๐๖.๓๐ น. พลเรือตรีหญิง พัฒนทวิ ศรีสมวงศ์  รองเจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ และคณะข้าราชการกองทัพเรือ ร่วมพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ณ โรงพยาบาลศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
 
วันที่ ๒๔ กันยายน ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย” โดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้กำหนดวันอันเป็นที่ระลึกสำคัญนี้ว่า “วันมหิดล” จอมพลเรือ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เป็นพระราชโอรสใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ หลังสำเร็จการศึกษาจากประเทศเยอรมันในปีพุทธศักราช ๒๔๕๖ ได้เสด็จพระราชดำเนินกลับประเทศไทย และเข้ารับราชการในกระทรวงทหารเรือ ขณะรับราชการในกระทรวงทหารเรือ พระองค์ทรงริเริ่มแนวคิดในการจัดเตรียมกำลังเรือ ส หรือ เรือดำน้ำ ในการป้องกันอ่าวไทย จนเป็นที่มาของการจัดหาเรือดำน้ำเข้าประจำการ จำนวน ๔ ลำ อีกทั้งพระราชดำรินานัปการที่พระราชทานไว้ นับเป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาอันเปี่ยมไปด้วยคุณค่า ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบทางความคิดของทหารเรือไทยในปัจจุบัน ทั้งยังเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่กองทัพเรือในทุก ๆ ด้าน
 
ในเวลาต่อมา พระองค์ทรงลาออกจากราชการ และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาวิชาสาธารณสุขและเตรียมแพทย์ที่สหรัฐอเมริกา ภายหลังจากสำเร็จการศึกษาพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินกลับมาปฏิบัติงานด้านการแพทย์ ทรงเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแพทย์ ทรงบริจาคทรัพย์เป็นทุนไว้สำหรับส่งนักศึกษาแพทย์และนักเรียนพยาบาลไปศึกษาต่อต่างประเทศ และจัดหาเครื่องมือสำหรับปฏิบัติการในโรงพยาบาลพระกรุณาธิคุณของพระองค์ส่งผลให้กิจการด้านสาธารณสุขและการแพทย์ของไทยมีความเจริญก้าวหน้าตราบจนปัจจุบัน ปวงชนชาวไทยจึงได้พร้อมใจกันขนานพระนามว่า ทรงเป็นทั้ง “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบัน” และ “เจ้าฟ้าทหารเรือ”  จนเป็นที่มาของการเทิดทูนพระเกียรติคุณของพระองค์ด้วยการขอพระราชทานนามอู่เรือแห่งที่สามของกองทัพเรือว่า “อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช” ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ได้ทรงอุทิศกำลังพระราชหฤทัยและกำลังพระวรกายประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อประเทศชาติและประชาชนเป็นอเนกประการ พระองค์จึงทรงเป็นปูชนียบุคคลที่เหล่าทหารเรือและประชาชนชาวไทย ระลึกถึงด้วยความเคารพรักเสมอมา
 
เนื่องในวันมหิดล กองทัพเรือได้ร่วมพิธีวางพวงมาลาและบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย เพื่อน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อกองทัพเรือและประเทศชาติ และขอเชิญชวนให้ประชนชาวไทยได้น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านด้วยการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ โดยเฉพาะนักศึกษาแพทย์ที่จะเจริญรอยตามเบื้องยุคลบาท พระองค์ทรงกล่าวเสมอว่า “อาชีพแพทย์นั้นมีเกียรติ แพทย์ที่ดีจะไม่ร่ำรวย แต่ไม่อดตาย ถ้าใครอยากร่ำรวย ก็ควรประกอบอาชีพอื่น” (ที่มา : สลก.ทร.)